วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

การ ให้วัคซีนสำหรับเด็ก ... คู่มือกำหนดการให้วัคซีน จากกระทรวงสาธารณสุข

การ ให้วัคซีนสำหรับเด็ก ... คู่มือกำหนดการให้วัคซีน จากกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่อาจจะยังงงๆ เกี่ยวกับเรื่องการให้วัคซีนต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งมีหลายขนานกว่าเมื่อก่อน ก็เลยอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าให้อะไรบ้าง ต้องให้เมื่อไร แล้วแต่ละอย่าต้องให้กี่ครั้ง ผมก็เลยอยากแนะนำให้ลองเข้าไป download คู่มือนี้จากทางกระทรวงสาธารณาสุขมาอ่านดูนะครับ น่าจะช่วยได้มากที่เดียว

http://thaigcd.ddc.moph.go.th/download/EPI/EPI_Table_Poster.pdf

หมายเหตุ

BCG = vaccine สำหรับโรควัณโรค (80% effective) -> http://en.wikipedia.org/wiki/Bacillus_Calmette-Gu%C3%A9rin

HB = vaccine สำหรับโรคตับอักเสบ ชนิดบี (95% effective) -> http://www.who.int/vaccines/en/hepatitisb.shtml

DTwP = vaccine สำหรับโรคคอตีบ + บาดทะยัก + ไอกรน (80%-85% effective) -> http://pediatrics.aappublications.org/cgi/content/full/99/2/282

OPV = vaccine สำหรับโรคโปลิโอ (99.99% effective) -> http://www.who.int/entity/biologicals/areas/vaccines/polio/opv/en/index.html

MMR = vaccine สำหรับโรคหัด + คางทูม + หัดเยอรมัน (95% effective) -> http://www.immunizationinfo.org/vaccineinfo/vaccine_detail.cfv?id=8

JE = vaccine สำหรับโรคไข้สมองอักเสบชนิดเจอี (ยังไม่มีข้อมูลยืนยันด้าน effectiveness ครับ)

หวังว่าคงทำให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายเข้าใจเรื่องการ ให้วัคซีนแก่บุตรหลานของตนมากขึ้นนะครับ ขอให้ท่านและบุตรหลานสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนครับ

โดย ITWichien

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

1.3ข้อควรปฎิบัติและไม่ควรปฎิบัติในการเลี้ยงดูเด็กทารก(แรกเกิด–1ปี)

พฤติกรรมที่ควรทำ

- อุ้มเด็กพาดบ่าหลังดื่มนมทุกครั้ง ผลดีคือ - เด็กท้องไม่อืด

- อุ้ม กอด จูบ เด็กทุกครั้งด้วยสัมผัสที่นุ่มนวน อบอุ่น มั่นคง ไม่รัดแน่นจนเด็กอึดอัด - เด็กมีความสุข อบอุ่น มั่นใจและสบายใจ

- อุ้มเด็ก หยอกล้อ ให้เวลาพูดคุย ให้เล่นของเล่นที่ ปลอดภัย หยอกล้อ ให้เวลาพูดคุย - ทำให้เด็กสนใจมองสิ่งแวดล้อม
ให้เล่นของเล่น ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับเด็ก กระตุ้นการเรียนรู้ ของเด็ก
เด็กสนใจภาษา รู้วิธีสื่อความหมาย

- เปลี่ยนเกม/ของเล่นชิ้นใหม่เมื่อเด็กเบื่อแล้ว (ของ เล่นชิ้นใหม่อาจเป็นของใช้ภายในบ้าน - เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งของ คน
ที่เหมาะสมกับวัยสะอาด ปลอดภัย) และสิ่งต่างๆ เพิ่มขึ้น

- พ่อแม่และบุคคในครอบครัวช่วยเลี้ยงดูและ เล่นกับเด็ก - เด็กมีความสุขสนุกสนาน
เพลิดเพลิน และ เป็นการ เรียนรู้
ความรู้สึก/พฤติกรรมของพ่อแม่ และ
บุคคล ในครอบครัว
- เด็กมีความใกล้ชิดและผูกพันกับพ่อแม่
- เด็กได้รับความรัก ความสนใจจากบุคคลใน ครอบครัว

เรื่องที่ 1.2 ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กทารก(แรกเกิด–1ปี)

เรื่องที่ 1.2 ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กทารก(แรกเกิด–1ปี)

ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กทารก
1. ถ่ายเหลว
2. ลิ้นเป็นฝ้า
3. ถุงลิง
4. อาเจียน
5. ท้องผูก

1.1พัฒนาการด้านต่างๆและคุณลักษณะตามวัยของเด็กทารก(แรกเกิด–1ปี)

เด็กคือทรัพยากรที่มีคุณค่าเป็นความหวังของชุมชนและประเทศชาติ เด็กทุกคนจึงจำเป็นทีจะต้องได้ รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้องและ เหมาะสม เพื่อให้เด็กมีพัฒนากรทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและ สติปัญญา มีคุณธรรมและบุคลิกภาพที่เหมาะสมตามวัย
การเลี้ยงดูเด็กในวัยทารกนี้จะมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการตาม วัยของเด็ก ทุกด้าน เนื่องจากเด็กยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึง มักใช้การร้องไห้เพื่อแสดงความต้องการ ซึ่งผู้เลี้ยงดูเด็กจะต้องเข้าใจ และตอบสนองให้ถูกต้อง จึงจะทำให้เด็กมีความสุขและสามารถเรียนรู้ สิ่งต่างๆ ได้ดีดังนี้
1. การเจริญเติบโต
2. พัฒนาการด้านร่างกาย
3. พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม

พัฒนาการและจิตวิทยาเด็กทารก (แรกเกิด-1ปี)

เรื่องที่
1.1 พัฒนาการด้านต่างๆและคุณลักษณะตามวัยของเด็กทารก
1.2 ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กทารก
1.3 ข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในการเลี้ยงดูเด็กทารก


แนวคิด

เด็ก วัยแรกเกิดจนถึง 1 ปี เป็นช่วงที่มีการเจริญเติบโตด้านร่างกายและมีการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ มากมาย เด็กทารกต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่แตกต่างจากครรภ์ ของแม่ เรียนรู้การกินอาหาร และเรียนรู้ทักษะทางสังคมในการติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่แวดล้อมตัวเด็ก พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของทารกจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการเติบโตและมีพัฒนาการที่เหมาะสมในช่วงวัยต่อ ไป



วัตถุประสงค์

เมื่อศึกษาตอนที่ 1 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกลักษณะเด่นของทารกตั้งแต่แรกเกิดถึง 1ปีได้
2. บอกขั้นตอนสำคัญของพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และลักษณะการเรียนรู้ของทารกได้
3. อธิบายผลกระทบที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของทารกได้

ค่าปกติ

เบาหวาน

วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานได้อย่างไร

วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานได้อย่างไร

วิธีที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานมีเพียงวิธีเดียวคือการเจาะหาน้ำตาลในเลือด สำหรับคนปกติแนะนำให้คนที่มีอายุมากกว่า 45 ปีควรจะเจาะเลือดทุกปีถ้าหากปกติก็ให้เจาะทุก 3 ปี หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงก็ควรที่เจาะเร็วขึ้นและบ่อยขึ้น คนปกติจะมีค่าน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่า 80-100 มิลิกรัม% การวินิจฉัยโรคเบาหวานเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 มิลิกรัม% สำหรับผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระ 100-125 มิลิกรัม%เราเรียก Impaired fasing glucose [IFG] คน กลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานจำเป็นต้องคุมอาการ รักษาน้ำหนัก ออกกำลังกาย สำหรับการตรวจปัสสาวะไม่แนะนำเพราะเราจะตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะเมื่อระดับ น้ำตาลในเลือดมากกว่า 180 มิลิกรัม%ซึ่งเป็นเบาหวานไปเรียบร้อยแล้ว

การตรวจเลือดเราสามารถตรวจได้หลายวิธีดังนี้
1.
การวัดระดับกลูโคสในพลาสม่าหลังการอดอาหารอย่างน้อย8ชั่วโมง [fasting plasma glucose :FPG] แนะนำให้ใช้วิธีซึ่งสะดวกและแม่นยำ ให้การวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเมื่อระดับน้ำตาลในเลือด [FPG] สูงกว่า 126มก.%[7.0 mmol/L] สองครั้ง
2.

การวัดความทนทานน้ำตาลกลูโคส [ oral glucose tolerance test:OGTT] กรณีสงสัยว่าจะเป็นเบาหวาน แต่ระดับพลาสม่ากลูโคสก่อนรับประทานอาหารไมถึง 126 มก.% ให้ตรวจโดยการดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม เจาะเลือดก่อนดื่ม และ 2 ชั่วโมงหลังดื่ม วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเมื่อระดับพลาสม่ากลูโคสที่ 2 ชั่วโมงตั้ง 200 มก.%ขึ้นไป หากอยู่ระหว่า 140-199มก.%ถือว่าความทนทานต่อน้ำตาลบกพร่อง ( impaired glucose tolerance test) หากต่ำกว่า 140 มก%ถือว่าปกติ
3.

การสุ่มวัดระดับกลูโคสในพลาสมา [random plasma glucose:RPG] โดยไม่กำหนดเวลาอดอาหาร ใช้ค่ามากกว่า 200 มก.%และมีอาการของโรคเบาหวาน เนื่องจากมีความแม่นยำต่ำจึงไม่นิยมหาก หากพบว่าค่ามากกว่า 200 มิลิกรัม%จะต้องนัดมาเจาะน้ำตาลก่อนอาหาร หรือทำการตรวจ การวัดความทนทานน้ำตาลกลูโคส OGTT อาจจะตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการของโรคเบาหวานมากจำเป็นต้องรีบให้การรักษา
4.

การใช้ระดับโปรตีนกลัยโคซัยเลต ได้แก่ glycosylate hemoglobin:HbA1c และ glycosylate albumin[fructosamine] ไม่นิยมในการวินิจฉัยโรคเบาหวานแต่นิยมใช้เพื่อประเมินผลการรักษาเนื่องจากมีความไวและความแม่นยำต่ำ
5.

การตรวจหากลูโคสในปัสสาวะไม่นิยมเพราะผิดพลาดได้ง่าย

ในการตรวจหากลูโคสในกระแสเลือดควรคำนึงถึงยาที่ทำให้น้ำตาลสูงขึ้นเช่น steroid,thiazide,nicotinic acid,beta-block,ยาคุมกำเนิด

การตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์[Gestational Diabetes:GDM]

การคัดกรองของโรคเบาหวานชนิดที่หนึ่งไม่นิยมเนื่องจากราคาแพงและยังไม่เป็นที่ยอมรับ

คำนำ | การวินิจฉัย | การคัดกรอง | ชนิดของเบาหวาน | หลักการรักษาและโรคแทรกซ้อน |เป้าหมายในการควบคุมเบาหวาน | การติดตามและการประเมิน
http://www.siamhealth.net

ค้นหาบล็อกนี้